จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี

สัก เป็นไม้ต้นขนาดใหญ่ผลัดใบในฤดูร้อน ลำต้นเปลาตรงเปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ๆ สีเทา โคนเป็นพูพอนต่ำ ๆ เรือนยอดเป็นพุ่มทรงกลมค่อนข้างทึบ เปลือกสีเทา เรียบ หรือแตกเป็นร่องตื้นตามความยาวลำต้น ขึ้นเป็นหมู่ในป่าเบญจพรรณทางภาคเหนือ บางส่วนในภาคกลางและภาคตะวันตก มีอยู่บ้างทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สักมักจะได้รับความเข้าใจผิดเสมอว่าเป็นไม้เนื้อแข็งเนื่องจากว่ามันมีลักษณะพิเศษที่เป็นไม้เนื้ออ่อนที่มีความทนทานกว่าไม้เนื้อแข็งหลาย ๆ ชนิด ชื่อสามัญอื่นอื่น: เซบ่ายี้, ปีฮือ, ปายี้, เป้อยี

ลักษณะทางพฤกษศาสตร์

  • ลำต้น : เป็นเปลาตรงเปลือกเรียบหรือแตกเป็นร่องเล็ก ๆ สีเทา โคนเป็นพูพอนต่ำ ๆ
  • ใบ : เป็นใบเดี่ยวใหญ่มาก ออกตรงข้ามกันเป็นคู่ ปลายใบแหลมโคนมน ยาว 25 – 30 เซนติเมตร กว้างเกือบเท่ายาว ใบของต้นอ่อนจะใหญ่กว่า นี้มาก ผิวใบขนสากคายสีเขียวเข้ม ขยี้ใบสดจะมีสีแดงเหมือนเลือด มีการสลัดใบทิ้งเมื่อถึงฤดูหนาว
  • ดอก  : มีขนาดเล็ก สีขาวนวลออกเป็นช่อตาม ปลายกิ่ง ออกดอกและเป็นผลเดือน มิถุนายน – ตุลาคม
  • ผล  : เป็นผลแห้งค่อนข้างกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2 เซนติเมตร เปลือกแข็ง ภายในมี 1 – 3 เมล็ด

การขยายพันธุ์

การเพาะเมล็ด

นำเมล็ดแช่น้ำ 2 วัน สลับผึ่งแดด 1 วัน รวม 15 วัน แล้วหว่านในแปลงเพาะให้กระจัดกระจายทั่วกัน กลบด้วยวัสดุเพาะชำ สูงประมาณ 3-5 มิลลิเมตร หรืออาจทำร่องแล้วหว่านลงในร่องจะสะดวกในการกลบ และเมล็ดจะงอกอย่างเป็นระเบียบ แปลงเพาะควรอยู่กลางแจ้ง เมล็ดสักจะงอกไม่พร้อมกัน บางเมล็ดงอกภายใน 3 สัปดาห์ บางเมล็ด 2 ปีจึงงอก

การปักชำ

เลือกไม้สายพันธุ์ดีที่ต้องการขยายพันธุ์ (ต้นแม่พันธุ์) เลือกตัดชิ้นส่วนของไม้ที่พัฒนาเป็นกล้าไม้ได้ง่าย นำไปกระตุ้นการออกรากและลำต้นด้วยสารเคมี (สารเคมีมีขายตามท้องตลาด)

นำส่วนของพืชที่ได้รับการกระตุ้นแล้วไปไว้ในโรงเรือนที่สามารถควบคุมความชื้นและอุณหภูมิได้ และดูแลจนกว่าส่วนของพืชที่นำมาปักชำจะสร้างรากและลำต้น นำกล้าไม้ที่ออกรากและลำต้นไปอนุบาลจนกล้าไม้เริ่มแข็งแรง นำกล้าไม้ออกไปกลางแจ้งเพื่อให้กล้าไม้ปรับตัวและแข็งแรงพอที่จะนำไปปลูกได้

ประโยชน์

ใบนำมาต้มกับน้ำรับประทานเป็นยาลดระดับน้ำตาลในเลือด (ใบ) เนื้อไม้และใบมีรสเผ็ดเล็กน้อย สรรพคุณเป็นยาบำรุงโลหิต (เนื้อไม้,ใบ) ใบมีรสเผ็ดเล็กน้อย มีสรรพคุณเป็นยาแก้พิษโลหิต (ใบ) ช่วยแก้อาการอ่อนเพลีย (เนื้อไม้) เปลือกไม้มีสรรพคุณแก้อาการปวดศีรษะ (เปลือกไม้) เมล็ดใช้เป็นยารักษาโรคตา (เมล็ด) ใบใช้ทำเป็นยาอมแก้เจ็บคอ (ใบ) ช่วยแก้ไข้ คุมธาตุในร่างกาย (เนื้อไม้) เนื้อไม้ใช้รับประทานเป็นยาขับลมได้ดีมาก ส่วนใบก็มีสรรพคุณเป็นยาขับลมเช่นกัน (เนื้อไม้,ใบ) เนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยาขับพยาธิ (เนื้อไม้) เนื้อไม้ ใบ และดอกมีสรรพคุณเป็นยาขับปัสสาวะ (เนื้อไม้,ใบ,ดอก) ใบใช้เป็นยาแก้ทางเดินปัสสาวะอักเสบ (ใบ) ช่วยรักษาประจำเดือนไม่ปกติ (ใบ) ช่วยรักษาโรคผิวหนัง (เนื้อไม้) เปลือกมีสรรพคุณเป็นยาฝาดสมาน (เปลือก) เปลือกไม้มีสรรพคุช่วยบรรเทาอาการบวม (เปลือกไม้) ส่วนเนื้อไม้มีสรรพคุณเป็นยาแก้บวม (เนื้อไม้) ช่วยแก้ลมในกระดูก (เนื้อไม้)]]

ต้นสักที่ใหญ่และมีอายุมากที่สุดในโลก

ต้นสักที่ใหญ่และมีอายุมากที่สุดในโลกมีอายุมากกว่า 1,500 ปี ได้รับชื่อพระราชทาน นามว่า มเหสักข์ อยู่ภายในวนอุทยานต้นสักใหญ่ บ้านปางเกลือ ตำบลน้ำไคร้ อำเภอน้ำปาด จังหวัดอุตรดิตถ์ มีความสูง 47 เมตร ลำต้นเส้นวงรอบ 10 เมตร 23 เซนติเมตร ใช้ 9 คนโอบโดยรอบ ขนาดความโต 1020 .7 เซนติเมตร ซึ่งเฉลี่ยโตขึ้นปีละ 1.3 เซนติเมตร

พระที่นั่งวิมานเมฆ กรุงเทพมหานครประเทศไทย เป็นสิ่งปลูกสร้างจากไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในโลก